ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

มรดกโลกในทวีปเอเชีย



แหล่งมรดกโลกในทวีปเอเชีย


1.ฮัมปิ | Hampi

ประเทศอินเดีย


เมืองฮัมปิ เมืองนี้ตั้งอยู่ในรัฐกรณาฏกะ (Karnataka)  เมืองฮัมปิแห่งนี้ของอินเดีย ประวัติศาสตร์จารึกเอาไว้ว่า ฮัมปิ คือเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักรฮินดู ก่อนที่ทุกอย่างจะเสื่อมและล่มสลายไป
ปัจจุบันองค์การยูเนสโกยกให้เมืองนี้กลายเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 ประดับประดาด้วยศิลปะ   แบบดราวิเดียน และวัดโบราณที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพฮินดูมีตั้งแต่ราชรถหิน โยคะนรสิงห์ บ่อน้ำ รูปปั้นช้าง ม้า และเทพเจ้าต่างๆ สถูปสูง49เมตร ราชวังโบราณ และอีกมากมาย

2.ทัชมาฮาล | Taj Mahal
ประเทศอินเดีย


ทัชมาฮาลถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ทัชมาฮาลตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอาครา ส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ หลุมศพของ...ทาฮาล ซึ่งถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องและเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี ทัชมาฮาลมีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ เป็นที่ตั้งของมัสยิด มีหออาซาน (หอสูงสำหรับร้องแจ้งเวลาทำนมาซ) และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ นายช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา ถูกประหารชีวิตเพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม
ทัชมาฮาลได้ถูกรับเลือกเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2526 

3.ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ | Itsukushima Shrine
ประเทศญี่ปุ่น


ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ ตั้งอยู่ที่เขตปกครองฮิโรชิมา เมืองคัทสึไคชิ บนเกาะมิยาจิม่า เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 และได้มีการสืบต่อการออกแบบต่อในช่วงศตวรรษที่ 12
ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ มีลักษณะคล้ายแพ สามารถลอยน้ำได้ เมื่อสมัยสงครามศาลเจ้าอิสึคุชิมะเคยถูกทำลายไปหลายครั้ง แต่ตึกแรกของศาลเจ้าอิสึคุมะไม่ได้ถูกทำลายไปด้วยจึงยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้


4.ปราสาทฮิเมจิ | Himeji Castle

ประเทศญี่ปุ่น


ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1993 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น
ปราสาทฮิเมจิยังมีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า ปราสาทนกกระสาขาว ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่าง ในปัจจุบันปราสาทฮิเมจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น


5.เทือกเขาชิระคะมิ | Shirakami
ประเทศญี่ปุ่น


เทือกเขาชิระคะมิเป็นเทือกเขาธรรมชาติโดยไม่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ที่นี่ถูกเรียกว่า ป่าธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก มีสัตว์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ประกอบด้วย หมีดำเอเชียและลิงญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่นในปี 1993
เทือกเขาชิระคะมิ มีเส้นทางเดินป่าเช่น Anmonno takihodo และ Juniko ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ต้องการท้าทายตัวเองสามารถเลือกการปีนเขาได้เช่นกัน เส้นทางที่ได้รับความนิยมคือ Shirakamidake Mate mountain ซึ่งเป็นเส้นทางการปีนเขาเพื่อไปยังภูเขาที่มีชื่อเสียงหนึ่งใน 200 ของญี่ปุ่น ซึ่งได้แก่ภูเขา Shirakami Main Mountain


6.คัปปาโดเกีย | Cappadocia
ประเทศตุรกี




เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ที่เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งในตุรกี คำว่าคัปปาโดเกียมาจากภาษาเปอร์เซียว่า คัตปาตุกา (Katpatuka) มีความหมายว่าดินแดนที่มีม้าแสนสวย(The Land of Beautiful Horses) ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟ ชื่อ เอร์จีเยส (Erciyes) สูง 3,916 เมตร บนยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดปี สามารถมองเห็นทั้งทะเลดำและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองแห่งนี้เกิดจากการระเบิดถ่นลาวาปกคลุมพื้นที่หลายร้อยไมล์ ต่อมาเกิดพายุลมฝนกัดกร่อนชั้นลาวาเหล่านี้ทีละเล็กทีละน้อยจนกลายสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึกแปรรูปพรรณสัณฐานเป็นเสาหิน กรวยหิน กำแพงถ้ำ เนื้อหาในหุบเขาแห่งนี้จะอ่อนนิ่ม จึงเหมาะในการแกะสลัก เจาะ ขุด เป็นห้อง เป็นคอกม้า เป็นบ้าน โบสถ์ ค่ายทหาร ที่พัก โรงอาหารของนักบวช ห้องบำเพ็ญเพียร ซึ่งเหมาะในการอยู่อาศัย อากาศเย็นสบายในฤดูร้อน อากาศอบอุ่นในฤดูหนาว สถานที่ที่น่าสนใจในคัปปาโดเกียจะมีหลายแห่งด้วยกันเช่น



7.เมืองโบราณผิงเหยา | Ancient City of Ping Yao

ประเทศจีน


ในอดีต เมืองผิงเหยาเคยเป็นเมืองสำคัญที่โด่งดังแห่งหนึ่งของจีนโบราณ ในฐานะ ศูนย์กลางตลาดเงินตรา และที่ตั้งของ ร้านแลกเงินแห่งแรก ซึ่งเชื่อกันว่าในช่วงที่เมืองผิงเหยาในอดีตเฟื่องฟูสุดๆนั้น เคยมีร้านค้าภายในเมืองถึงพันร้าน และถึงแม้จะไม่ได้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจเช่นอดีต ทว่าความสำคัญของเมืองโบราณผิงเหยาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด เนื่องมาจากภายในเมืองโบราณผิงเหยายังคงเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุ่งเรืองจากอดีต ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมบ้านเรือนร้านค้าตามแบบของชาวฮั่น ที่มีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเมือง รวมไปถึงที่ว่าการอำเภอ, กำแพงเมือง หรือสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวจีนโบราณที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง ทำให้ปัจจุบันเมืองโบราณผิงเหยา ได้รับ การยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก และได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลจีนให้เป็น เมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำชาติ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนประเทศจีน


8.สวนประจำชาติหลูซาน | Lushan Nation Park

ประเทศจีน


คือแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณทั้งศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื๊อ และลัทธิเต๋าของวัฒนธรรมจีน  เขาหลูซาน เป็นเทือกเขาเก่าแก่ ที่เป็นจุดศูนย์รวมสำคัญทาง วัฒนธรรม การศึกษา การเมือง และศาสนา อันได้แก่ พุทธ เต๋า อิสลาม ศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ นิกายออร์โธด็อกซ์ และนิกาย โรมันคาทอลิก และความพิเศษที่โดดเด่นที่สุดแห่งเขาหลูซาน ที่ซึ่งเป็นแหล่งรวมของศาสนาสำคัญทั้ง 6 นี้ กล่าวได้ว่า หาไม่ได้อีกแล้ว ณ เขตแคว้นแดนใดในโลกหล้าได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “อุทยานแห่งชาติเขาหลูซาน” ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 20 เมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่เมืองเมรีดา ประเทศเม็กซิโก




9.ถ้ำช็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา | Seokguram Grotto and Bulguksa Temple

ประเทศเกาหลีใต้





ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา  เป็นวัดที่เป็นตัวแทนของเกาหลีตั้งอยู่บนภูเขา Tohamsan เป็นวัดหินเทียมที่สร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตถูกสร้างขึ้นมาโดย คิมแด – ซอง  (Kim Dae-Seong) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 751  ในรัชสมัยของพระเจ้ากิ่งกยอง – ด็อค  (King Gyeong-Deok) ซึ่งใช้เวลาสร้างถึงยี่สิบปี ภายในห้องโถงใหญ่มีรูปทรงกลมมีรูปปั้น Bonjon Statue, Bodhi-sattva และสาวกของพระพุทธเจ้า เพดานกลมดูคล้ายครึ่งดวงจันทร์  ส่วนถ้ำซ็อกกูรัม สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 8 บนเนินเขาของ Mount Toham มีอนุสาวรีย์รูปปั้นพระพุทธเจ้าเป็นการสร้างขึ้นมา อย่างประณีตถือเป็นงานชิ้นเอกของศิลปะทางพุทธศาสนาถือเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่มีความสำคัญน่าอนุรักษ์ไว้เป็นที่สุดได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (UNESCO)เมื่อปี 1995


10.ศาลเจ้าจงมโย | Jongmyo Shrine

ประเทศเกาหลีใต้




ศาลเจ้าจงมโย เป็นสถานที่หลักสำหรับราชวงศ์โซซอนในการสักการบูชาและทำพิธีเก่าแก่ Jongmyo Jaerye ถือเป็นพิธีที่เก่าแก่โบราณ เป็นประเพณีที่มีการอนุรักษ์กันไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรีพื้นบ้าน การเต้นรำ ที่มีต้นกำเนิดมานานกว่า 500 ปีที่ผ่านมาและในช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีการจัดงานเทศกาลวัฒนธรรมเกาหลีจะจัดขึ้นพร้อมกับงานเทศกาลมรดกทางวัฒนธรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์น่าสนใจของเกาหลีในอดีตที่ผ่านมาได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (UNESCO)เมื่อปี 1995





สมาชิกกลุ่ม

1. ด.ญ. ปภาดา จันทราภินันท์  เลขที่ 23  ม.2/7
2. ด.ญ. พิมพ์พิชชา ฉัตรปัญญาพร  เลขที่ 24  ม.2/7
3. ด.ญ. วิภาวี หามณี  เลขที่ 27  ม.2/7
4. ด.ญ. สุรัตน์วดี พลวงษ์ศรี  เลขที่ 28  ม.2/7

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อิทธิพลของอารยธรรมอินเดียที่มีผลต่อวัฒนธรรมไทย

อิทธิพลของอารยธรรมอินเดีย ที่มีผลต่อวัฒนธรรมไทย 1.ด้านศาสนา ดินแดนไทยได้รับศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ทวารดี ในสมัยสุโขทัยรับพระพุทธศาสนาจากนครศรีธรรมราช ทำให้พระพุทธศาสนาเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของคนไทย 2. ด้านการเมืองการปกครอง   รับความเชื่อเรื่องสมมติเทพและกฎหมายพระมนูธรรมศาสตร์ของอินเดียมาเป็นแม่แบบของกฎหมาย  ในอดีตประเทศไทยมีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก การรับศาสนาพราหมณ์ทำให้มีความเชื่อเรื่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพตามแนวความเชื่อของอินเดีย ต่อมาได้นำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาผสมผสานเพื่อใช้ในการปกครอง พระมหากษัตริย์จึงเป็นธรรมราชาในเวลาต่อมา 3. ด้านอักษรศาสตร์   ประเทศไทยรับภาษาบาลี สันสฤตจากอินเดียมาใช้ ทำให้ประเทศประเทศไทย มีภาษาที่มีคำในภาษาบาลี สันสฤต ผสมอยู่มากมาย เช่น ชื่อของคนในประเทศไทย รับวรรณคดีอินเดีย เช่น มหากาพย์รามายณะ ซึ่งมีอิทธิพลต่อวรรณคดีของไทย รวมถึงวรรณคดีทางพระพุทธศาสนา เช่น ชาดก 4.ด้านวิถีชีวิต   คนไทยได้รับวัฒนธรรมการแต่งกายและวัฒนธรรมการกินอาหารจากอารยธรรมอินเดีย เช่น รับปร

ความหมายและที่มาของนาฏศิลป์

ความหมายและที่มาของนาฏศิลป์ ความหมาย นาฏศิลป์   หมายถึง  ศิลปะการฟ้อนรำ  หรือความรู้แบบแผนของการฟ้อนรำ เป็นสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นด้วยความประณีตงดงาม ให้ความบันเทิง อันโน้มน้าวอารมณ์และความรู้สึกของผู้ชมให้คล้อยตาม  ศิลปะประเภทนี้ต้องอาศัยการบรรเลงดนตรี และการขับร้องเข้าร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดคุณค่ายิ่งขึ้น หรือเรียกว่า ศิลปะของการร้องรำทำเพลง           การศึกษานาฏศิลป์ เป็นการศึกษาวัฒนธรรมแขนงหนึ่ง นาฏศิลป์เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะสาขาวิจิตรศิลป์ อันประกอบด้วย จิตรกรรม สถาปัตยกรรม วรรณคดี ดนตรี และนาฏศิลป์           นาฏศิลป์ นอกจากจะแสดงความเป็นอารยะของประเทศแล้ว ยังเป็นเสมือนแหล่งรวมศิลปะและการแสดงหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน โดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ในการที่จะสร้างสรรค์ อนุรักษ์ และถ่ายทอดสืบต่อไป ความเป็นมาของนาฏศิลป์ไทย นาฏศิลป์ไทยมีกำเนิดมาจาก ๑.  การเลียนแบบธรรมชาติ  แบ่งเป็น ๓ ขั้น คือ           ขั้นต้น  เกิดแต่วิสัยสัตว์ เมื่อเวทนาเสวยอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นสุขเวทนาหรือทุกขเวทนาก็ตาม ถ้าอารมณ์แรงกล้าไม่กลั้นไว้ได้ ก็แสดงออกมาให้เห็นปรากฏ